Tips

เรื่องของแคล้มป์มิเตอร์

เป็นเครื่องมือวัดทางไฟฟ้าอีกชนิดหนึ่งที่ใช้สำหรับเปลี่ยนปริมาณทางไฟฟ้าให้อยู่ในรูปที่เราสัมผัสได้ เช่น ตัวเลขแสดงผลหรือให้อยู่ในรูปของเข็มชี้ค่าแสดงผลโดยจะสามารถตรวจวัดค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลในวงจรได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำโดยไม่ต้องดับไฟ หรือหยุดการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าในขณะที่ทำการวัด (รูปที่1) จึงกล่าวได้ว่าแคล้มป์มิเตอร์เป็นเครื่องมือวัดอีกชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นมากในงานด้านไฟฟ้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบปรับอากาศ เครื่องทำความเย็นหรืองานซ่อมบำรุง ระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ เป็นต้น ซึ่งถ้าหากเราสามารถใช้งานแคล้มป์มิเตอร์ได้อย่างถูกวิธีและมีความชำนาญอยู่แล้ว จะสามารถช่วยให้ท่านทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและในขณะเดียวกันก็ยังจะสามารถช่วยลดอุบัติเหตุต่าง ๆที่จะเกิดขึ้นจากระบบไฟฟ้าได้อีกด้วย

ประโยชน์ของแคล้มป์มิเตอร์ แคล้มป์มิเตอร์โดยทั่วไปแล้วจะถูกนำมาใช้งานในการวัดกระแสไฟฟ้าในระบบไฟฟ้าต่างๆโดยการนำแคล้มป์มิเตอร์ไฟคล้องกับสายไฟที่ต้องการวัดก็จะทำให้สามารถทราบค่ากระแสไฟฟ้าได้จากจอแสดงผลบน แคล้มป์มิเตอร์ ในปัจจุบันแคล้มป์มิเตอร์ได้มีการพัฒนาให้มีขีดความสามารถในการวัดได้ทั้ง ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) และไฟฟ้ากระแสตรง (DC) นอกจากนั้นแคล้มป์มิเตอร์ที่มีการใช้ในปัจจุบันนี้ยังมีความสามารถในการวัดกำลังไฟฟ้า (Power) ต่อเข้ากับเครื่องบันทึกกราฟ (Recorder) หรือเครื่องออสซิลโลสโคป (Oscilloscope) เพื่อใช้ในการตรวจสอบและวิเคราะห์รูปคลื่นไฟฟ้าได้อีกด้วย

หลักการทำงานเบื้องต้น ในขณะที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านสายไฟฟ้าอยู่นั้น รอบๆสายไฟจะเกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นถ้าหากนำเอาก้ามปูของแคล้มป์มิเตอร์ไปคล้องกับสายไฟฟ้าแล้วจะทำให้ตัวตรวจจับ (Sensor) ที่อยู่ตรงก้ามปูส่งค่าที่ได้ไปแสดงผลที่ภาคแสดงผลของแคล้มป์มิเตอร์ต่อไปซึ่งวิธีการตรวจจับ (Sensor) มีด้วยกันอยู่หลายวิธีที่นิยมใช้กันมากเท่านั้นคือ 1 วิธีตรวจจับโดยใช้ CT (Current Transformer) 2.วิธีตรวจจับโดยใช้ Hall Device

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.sangchaimeter.com